Translate

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เดินเร็ว เดินช้า

    


       แม้ว่า บางครั้ง อาจไม่ได้อยู่ในช่วงหน้าฝน แต่ก็มีบางครั้ง บางคราว ที่ธรรมชาติแปรปรวน ก่อให้เกิดพายุ  และอาจมีฝนตก มาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย  ซึ่ง โดยปกติ คนส่วนใหญ่ เมื่อเจอลม เจอ ฝน ก็จะต้องรีบวิ่งเข้าที่กำบังหลบฝน  แม้ว่า จะไม่ได้่ช่วยอะไรมากมาย เพราะว่าฝนหลงฤดูนั้น ส่วนมากจะเป็นห่าใหญ่ ที่แม้ว่าเรา จะรีบสักปานใด ก็จะยังคงต้องเปียกเหมือนเดิม

      ในขณะที่ หมู่ชนคนกลุ่มใหญ่ ต่างวิ่งแตกตื่นหลบฝนหลบพายุอยุ่นั้น กลังมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า "อาเต้า"   อาเต้า เป็นพ่อค้าขาย หมั่นโถว อยู่ที่ในตลาด  ซึ่งในวันนั้น เขาปิดร้าน เพื่อมาทำธุระในต่างเมือง  และเมื่อถึงขากลับ ฝนกลับตกมาพอดี



     ตอนที่ลมฝน พัดคะนอง ฝนตกอยุ่นั้น อาเต้า กลับเดินฝ่าสายฝน ทอดน่องไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่า สภาวะการณ์ปกติ ไม่มีลมฟ้าฝนคะนอง และเหมือนกับว่า ไม่มีสายฝน ลงเทรดชุ่มฉ่ำกับตัวเขาเลย  แต่ที่สำคัญ ที่หลายคนมองอย่างแปลกใจคือ ในตัวเขา ไม่มีเครื่องป้องกันฝนใดๆเลย  ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ หรือว่าร่มกันฝนก็ตาม

     ในขณะนั้นเอง อาเวิ่น  ซึ่งเป็นเพื่อนสหายของเขานั้น ก็กำลังวิ่งฝ่าสายฝนมาพอดี  ก็เห็นสหายของตนเอง เดินอย่างไม่อนาทรร้อนใจใดๆเลย จึงกล่าว เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า

     "อาเต้า ทำไมเจ้าไม่รีบเดินเสียเล่า ฝนตกหนัก ฟ้าลมคะนองปานนี้"

      เมื่ออาเต้า ได้ฟังคำกล่าวของสหายที่ห่วงใยเขา เขาจึงกล่าวตอบไปว่า

     "ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่ว่าจะวิ่งหรือเดินช้าๆ ก็ย่อมจะเปียกเหมือนกันหมด แล้วข้าจะวิ่งไปใยเล่า หากว่าข้าวิ่งไปแล้วนั้น เกิดลื่นล้มขึ้นมา แข้งขาเคล็ดไม่แย่ไปกันใหญ่รึ  ก็เหมือนกับตอนที่เรากำลังมีปัญหาหนักนั่นแหละ  การรีบร้อน ก็จะทำให้เราทำอะไรผิดพลาดได้ง่าย แต่หากว่าเราค่อยๆคิด ค่อยๆ ทำ แม้ว่าจะเปียกหน่อย แต่ก็ช่วยทำให้เราไม่เจ็บ หรือเสียหายหนักได้ ไงเล่าสหาย"




สุภาษิตสอนใจ  

   "เมื่อเปียกแล้วรีบร้อนก็ไร้ประโยชน์   เมื่อเกิดปัญหา แล้วร้อนรนก็ไร้ค่า"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น