Translate

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปิดขอบฟ้า ข้ามทะเล


 http://www.10000fah.com/image/mypic_article/k-17.jpg
     ยุคนสมัยชุนชิว องค์ชายจงเอ๋อ แห่งแคว้นจิ้น จำต้องหลบหนีลี้ภัย ไปยังดินแดนแคว้นฉี ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับองค์หญิงฉีเจียงแห่งแค้นฉี และพำนักอยู่ในดินแดนแห่งนี้เรื่อยมา

     เมื่อคราวแรกเริ่ม มีขุนนางอยู่ 9 คน ได้ติดตามองค์ชายจงเอ๋อ อพยพเข้ามาในดินแดนแคว้นฉีแห่งนี้ด้วย  ขุนนางทั้งเก้าต่างเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ  มีความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง  และเขาทั้งหลายตั้งใจไว้มั่นว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิต  สักวันหนึ่งพวกเขาพร้อมด้วยองค์ชายจงเอ๋อจักต้องหวนคืนสู่ดินแดนแคว้นจิ้นให้จงได้ เพื่อกอบกู้บ้านเมืองและฟื้นฟูแตคว้นจิ้นให้รุ่งเรืองสืบไป

     กาลเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งลำแสงที่พุ่งไปชัวพริบตา แม้กระนั้นก็ตามองค์ชายจงเอ๋อก็ยังไม่มีทีท่าที่คิดหวนคืนสู่ดินแดนแคว้นจิ้นแต่อย่างใด

     ขุนนางอาวุโสท่านหนึ่งในจำนวนขุนนางทั้งเก้ามีนามว่าจ้าวกุนได้กล่าวแก่ขุนนางด้วยกันว่า "พวกเราติดตามองค์ชายมาถึงแคว้นฉีแห่งนี้ ก็เพื่อขอความช่ยเหลือด้านกำลังพลจากแคว้นฉี แต่เวลานี้ก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า ภายในแคว้นฉีมีแต่ความสับสนอลหม่าน ตามลำพังยังแทบคุ้มครองตนเองไม่ได้ ไหนเลยจะช่วยเหลือแก่พวกเราได้ ข้าคิดว่าพวกเราควรรีบออกจากแคว้นฉีไปปักหลักยังแคว้นอื่น แล้วค่อยคิดหาวิธีการต่อไปจักไม่ดีกว่าหรือ"

     ทุกคนต่างเห็นชอบด้วยกับคำเสนอแนะของขุนนางจ้าวกุน จึงร่วมกันขอเข้าเฝ้าเพื่อขอคำปรึกษาจากองค์ชายจงเอ๋อ แต่แล้วขุนนางทั้งเก้าก็ต้องผิดหวัง เพราะองค์ชายจงเอ๋อไม่เปิดโอกาสแก่พวกเขาเลย
 http://www.bloggang.com/data/peanut-nut/picture/1215937679.jpg


     หนึ่งในขุนนางทั้งเก้าร้องตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง "พวกเราละทิ้งครอบครัว   ติดตามองค์ชายมาด้วยความศรัทธา และเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่งองค์ชายจักต้องหวนคืนสู่แคว้นจิ้นอย่างแน่แท้  แต่เวลานี้องค์ชายกลับมัวลุ่มหลงใช้ชีวิตแสนสขตามลำพังกับฮูหยิน ทิ้งพวกเราไว้ข้างหลังไม่คิดที่จะฟื้นฟูแคว้นจิ้นเลยแม้แต่น้อย นี่ก็ผ่านไปแล้วร่วม 7 ปี ไม่เห็นว่าจะมีอะไรขึ้นมา ครั้นจะเข้าเฝ้า ดูสิพวกเราต้องมารอกันถึง 10 วัน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้เข้าเฝ้าเลยอย่างนี้จะไหวหรือ

     ขุนนางฮูเอี๋ยน รีบกล่าวเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา "พวกเราไม่ควรปรึกษากันในที่แห่งนี้" พลางขยิบตาให้ทุกคนตามเขาออกไปข้างนอก ประตูทางทิศตะวันออก ตรงไปยังสวนหม่อน "ชวนอิน"

     สวนหม่อนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่มหึมา แผ่กิ่งก้านใบไม้ปกคลุมอย่างมิดชิดแทบมองไม่เห็นแสงตะวัน ขุนนางทั้งเก้าต่างนั่งล้อมวง ท่ามกลางบริเวณต้นไม้เหล่านี้เพื่อปรึกษาหารือกัน

     ขุนนางจ้าวกุนเอ่ยถามขึ้นว่า  "ท่านขุนนางฮูเอี๋ยน มีสิ่งใดที่จะให้คำแนะนำแก่พวกเราหรือ"

     ขุนนางฮูเอี๋ยนกล่าวเสนอแนะ  "ข้าคิดว่า องค์ชายจะยินยอมไปจากแคว้นฉีหรือไม่นั้นเป็นเรื่องขององค์ชาย สำคัญอยู่ที่ว่าพวกเราจะต้องไปให้ได้  พวกเราต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอหากสบโอกาสเมื่อใดต้องรีบทูล ชักชวนองค์ชาย เสด็จออกล่าสัตว์ เพื่อฉวยวโอกาสนำตัวองค์ชายออกจากแคว้นฉีทันที มิทราบว่าทุกท่านคิดเห็นประการใด"

     ทุกคนต่างพยักหน้า ให้การสนับสนุนตามความคิดเห็นของขุนนางฮูเอี๋ยน  หลังจากประชุมลับสิ้นสุดลง  ขุนนางทั้งเก้าต่างก็แยกย้ายกันกลับไปด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
http://thai.cri.cn/mmsource/images/2011/12/30/718298aec7e148baab38bb5c6abf95d1.jpg

     แต่ว่าในขณะที่พวกเขา กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรึกษาหารือกันอยู่นั้น หารู้ไม่ว่ามีสาวเก็บหม่อนกว่า 10  คน แอบซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม่้ได้ยินได้ฟังเรื่องราวแผนการลับของพวกเขาไปจนหมดสิ้น

     สาวเก็บหม่อนเหล่านั้นแท้ที่จริง แล้วคือสาวใช้ ของฉีเจียงฮูหยินนั่นเอง  สาวใช้เหล่านั้นได้นำเรื่องราวแผนการลับของขุนนางทั้งเก้ามาทูลต่อฉีเจียงฮูหยินโดยละเอียด ฉีเยียงฮูหยินเมื่อได้เยินดังนี้แล้ว เกิดความคิดขึ้นมาว่า หากปล่อยไว้่นนี้เห็นท่าจะไม่ได้การ  จึงรีบจัดการนำตัวสาวใช้เหล่านั้นไปคุมขัไว้ เพื่อมิให้ความลับถูกแพร่งพรายออกไป จนกระทั่งกลางดึกก็ให้ทหารคนสนิทเข้าไปสังหารสาวใช้เหล่านั้นเสียสิ้น

     ในคืนเดียวกันนั้นเอง ฉีเจียงฮูหยินได้นำเรื่องราวแผนการลับของขุนนางทั้งเก้าและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทูต่อองค์ชายจงเอ๋อ  พร้อมกับเกลี้ยกล่อมให้องค์ชายจงเอ๋อยินยอมเสตด็จไปจากแคว้นฉี พร้อมกับขุนนางทั้งเก้า

     องค์ชายจงเอ๋อ กล่าวตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย "เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที ก็เพื่อเสพสุขเท่านั้น  เหตุไฉน จะต้องซัดเซพเนจร ข้าจะอยู่ที่นี่จนตราบชั่วชีวิต  ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไปจากที่นี่"

     ฉีเจียงฮูหยิน  กล่าวเตือนสติ "แคว้นจิ้นประสบภัยพิบัติ  องค์ชายไม่คิดที่จะกอบกู้คืนมาแล้วหรือ และไม่คิดแก้แค้นแทน...."

     "พอแล้ว พอแล้ว ข้าไม่ฟัง "  องค์ชายห้ามมิให้ฮูหยินกล่าวถึงอีกต่อไป พลางถอนใจแล้วกล่าวมาว่า "แฮ ข้าเกลียดชีวิตเร่ร่อน  ข้าพอใจอยูที่นี่ ข้าไม่อยากไปจากทีนี่"

http://www.bloggang.com/data/o/operahouse-tang/picture/1373281243.jpg

      รุ่งขึ้นวันต่อมา  ขุนนางทั้งเก้าได้ขอเข้าเฝ้าองค์ชายจงเอ๋อ เพื่อทูลชักชวนเสด็จออกล่าสัตว์ องค์ชายจงเอ๋อรู้เท่าทันเกิดความไม่พอใจ รีบสั่งสาวใช้ "ไปบอกขุนนางว่า ข้าไม่ต้องกมาให้เข้าเฝ้า"

     ฉีเจียงฮูหยิน เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้รับสั่งให้สาวใช้ไปเชิญขุนนางฮูเอี๋ยน มาพบ เมื่อมาถึง ฉีเจียงฮูเหยินเอ่ยถามขุนนางฮูเอี๋ยน ถึงเรื่องที่จะทูลชักชวนองค์ชายจงเอ๋อเสด็จออกล่าสัตว์

     ขุนนางฮูเอี๋ญน "ปกติองค์ชายทรงโปรดปรานเสด็จออกล่าสัตว์ ระยะหลังองค์ชายมิได้เสด็จออกล่าสัตว์มานานแล้ว จึงคิดที่จะมาทูลชักชวน มิได้มีจุดมุ่งหมายเป็นอื่น"

     ฉีเจียงฮูหยิน  หัวเราะแล้วเอ่ยถามต่อไป  "อ้าวว แล้วจุดหมายปลายทางของการล่าสัตว์ อยู่ที่แคว้นแห่งใดกันแน่เล่า"

     ขุนนางฮูเอี๋ยน ตกตะลึงพลางคิดในใจว่า ฮูหยินทราบเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร แต่ยังคงฝืนยิ้มออกมาแล้วทูลตอบ "ไม่ใช่แห่งใดเลย ล่าสัตว์ เหตุทำไมต้องไปไกลถึงเพียงนั้น"

     ฉีเจียงฮูหยิน  กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด  "ข้ารู้นะพวกเจ้าคิดอาศัยการออกล่าสัตว์ เป็นอุบายที่จะนำตัวองค์ชายไปจากแคว้นฉีใช่ไหม"

    อา....อา....ขุนนางฮูเอี๋ยน ยิ่งตกตะลึง จนไม่อาจทูลกับฮูหยินเช่นไรได้

     "เจ้าไม่ต้องวิตก"  ฉีเจียงฮูหยิน กล่าวด้วยน้ำเสียที่มีไมตรี  "พวกเจ้าเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์  และจงรักภักดี  ข้ารู้ดีว่าชีวิตจิตใจของพวกเจ้าได้มอบไว้แก่องค์ชายจนหมดสิ้น ก็เพื่อหวังที่จะกอบกู้ฟื้นฟู แคว้นจิ้น เมื่อคืนนี้ข้าเพิ่งจะเตือนสติองค์ชายแต่ก็ไม่ได้ผล  องค์ชายคงยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป"
http://www.uppices.com/images/99759383658013819638.jpg

     ขุนนางฮูเอี๋ยนได้ฟังดังนี้เกิดความปลื้มปิติ ยินดีเป็นยิ่งนัก "ฮูหยินเข้าใจถึงจิตใจของเข้าไอย่างถ่องแท้ทีเดียว"

    ฉีเจียงฮูหยิน  "เราต้องคิดหาวิธีที่ดีที่สุด เอาอย่างนี้แล้วกัน คืนนี้ข้าจะออกอุบายให้องค์ชายดื่มสุราอย่างเต็มที่เมื่อเห็นว่าเมาได้ที่แล้ว  พวกเจ้าต้องรีบจัดการนำตังองค์ชายขึ้นรถม้าไปทันที่ วิธีนี้เจ้าคิดว่าจะดีไหม"

     "ดีนะดีแน่  แต่...ฮูหยินเองละ..."

     "ไม่ต้องเป็นห่วงข้า  พวกเจ้าทิ้งลูกทิ้งเมียสุดที่รักมา เพื่องค์ชายโดยแท้  เหตุไฉนข้าจึงไม่อาจทนทุกข์ทรมานแม้แต่น้อยเพื่อสวามีของข้าเองเลยหรือ  และที่สำคัญที่สุด  องค์ชายเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งจิตใจของเชาวจิ้น จะให้ข้าเห็นแก่ตัวเช่นนี้อีกต่อไปได้อย่างไร"

     ในที่สุดทั้งสองต่างนัดหมายกันไว้เป็นมั่นเหมาะ และแยกย้ายกันไป แล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนต่อไป

     ในคืนนั้นเอง ฉีเจียงฮูหยินได้จัดเตรียมสุราอาหารไว้เต็มโต๊ะอย่างมากมายเป็นพิเศษ

     องค์ชายจงเอ๋อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ  "เหตุไฉนสุราอาหาร จึงมากมายเช่นนี้"

     ฉีเจียงฮูหยิน กล่าวอย่างมีเลศนัย "ก็องค์ชายจะต้องเดินทางไกล ข้าต้องจัดเลี้ยงส่งเป็นพิเศษ"

     "เหลวไหล ใครว่าข้าจะเดินทาง ข้าเกลียดการเร่ร่อน"

     "แล้วถ้าหากข้าจะเดินทาง องค์ชายจะไปกับข้าด้วยไหม"

     "ข้าไม่ไปจากที่นี่ และก็ไม่ไปจากเจ้า อย่างเด็ดขาด"

     "องค์ชายไม่หนีไปจากข้าจริงๆ  นะ องค์ชายมิได้กล่าวเท็จต่อข้า ใช่ไหม บอกข้าสิ" ฉีเจียงฮูหยินกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่มีความปีติยินดีเป็นยิ่งนัก

     "ใครจะโกหกเจ้า ชายชาตรีอย่างข้าพูดคำใหนคำนั้น"

     "โอ้สวรรค์  ข้ามีความสุขที่สุด"  ฉีเจียงฮูหยินแสร้างทำเป็นว่า มีความสุขอย่างเหลือล้น  และแล้วก็ทูลชักชวนองค์ชายจงเอ๋อร่วมดื่มสุราด้วยความเบิกบาญสำราญใจ

     มินานนักองค์ชายจงเอ๋อ ก็เริ่มมีอาการมึนเมา  แต่ฉีเจียงฮูหยินคงรินสุราเชิญชวนให้ยกจอกดื่มสุราต่อไปจอกแล้วจอกเล่า ในที่สุดองค์ชายจงเอ๋อก็หมดสติฟุบลงบนโต๊ะอาหาร

     ทั้นใดนั้น ขุนนางทั้งเก้า ต่างทะยอยกันเข้ามาและแบกองค์ชายจงเอ๋อ ขึ้นรถมาที่รอไว้

     สิ้นเสียงแส้ที่โบยลงหลังม้า ม้าได้วิ่งฮ่อลากรถนำตัวองค์ชายจงเอ๋อพรน้อมขุนนางทั้งเก้าออกจากแคว้นฉีไปอย่างเร่งรีบ โดยที่ไม่มีบุคคลภายนอกอื่นใดล่วงรู้ถึงเหตุการณฺ์ในครั้งนี้เลย แผนการทั้งหมดนี้ได้ดำเนิการสำเร็จลุล่วงไปได้ ด้วยดีโดยสะดวกทุกขั้นตอน
 http://pbs.twimg.com/media/B-MHpenCQAAH6zW.jpg
     ฉีเจียงฮูหยินได้แต่ยืนนิ่งมองดูรถม้าวิ่งห่างออกไป ห่างออกไป และแล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมานองหน้า  มันเป็นน้ำตาแห่งความปลืมระคนกับความขมชื่นที่หลั่งออกมาจากส่วนลักในจิตใจ  มันเป็นสิ่งนอกเหนือที่ฉีเจียงฮูหยินจะบังคับมันได้  แต่อย่างไรก็ตามภายใตก้ารควบคุมแห่งจิตใจของฉีเจียงฮูหยินเต็มไปด้วยความเข้าใจอันดียิ่งว่า "เป้าหมายแห่งชีวิตขององค์ชายจงเอ๋อ มีความสำคัญยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งปวง"